- แบรนด์และพันธมิตร
-
เกี่ยวกับกรุงศรี คอนซูมเมอร์
- เกี่ยวกับกรุงศรี คอนซูมเมอร์
- รู้จักกรุงศรี คอนซูมเมอร์
- พบกับคณะผู้บริหาร
-
นวัตกรรม
- นวัตกรรมจากกรุงศรี คอนซูมเมอร์
- LINE OFFICIAL ACCOUNT
- UCHOOSE
- AI MANOW (น้องมะนาว)
- VOICE AUTHENTICATION
- DATA MONETIZATION
- บริการลูกค้า
-
ข่าวประชาสัมพันธ์
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- ข่าวล่าสุด
- รายการข่าว
- ไลฟ์สไตล์
- ร่วมงานกับเรา


หลายคนทราบดีว่าชีวิตเรา “ควร” จะทำอย่างไร แต่มักจะขาดวินัยเช่น เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่เราก็อาจจะ ลุกขึ้นมาออกกำลังกายได้สัก 2-3 สัปดาห์ แล้วก็เลิกล้มไป สาเหตุที่เรามักจะทำอะไรต่อเนื่องไม่สำเร็จคือ สิ่งเหล่านี้มันต้องใช้พลังใจที่ค่อนข้างสูง และมนุษย์ก็มีพลังใจจำกัด เมื่อพลังใจหมดไป เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ทางออกคือเราจะต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากจะทำให้กลายเป็น “นิสัย” เพราะ นิสัยไม่ต้องการพลังใจ เราสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่คำถามคือ แล้วเรา จะสร้าง “นิสัย” เหล่านี้ ให้มาอยู่อย่างคงทนถาวรได้อย่างไร ในทางกลับกันหากเราต้องการจะเลิกนิสัยเสียๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เราจะทำได้อย่างไร การสร้างนิสัยว่ายากแล้ว แต่การเลิกนิสัยอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำไปหนังสือเล่มที่ดีมากเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำคือ Atomic Habits ซึ่งเขียนขึ้นโดย James Clear ซึ่งเป็นนักเขียนและ Blogger ชื่อดัง โดยหนังสือได้นำเสนอกฏของการสร้างหรือเลิกนิสัยอยู่ 4 กฎดังต่อไปนี้
เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เรา
อยากทำให้กลายเป็นนิสัย
เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ

กฎข้อที่ 1 ทำให้เห็นชัด (Make it obvious)
เราต้องทำสิ่งที่เราต้องการทำให้เป็นนิสัย มีความชัดเจน เห็นได้ง่าย เช่น เราอยากสร้างนิสัยในการอ่านหนังสือ เราก็ควรนำหนังสือมาวางไว้ในที่ที่เรา มักจะมองเห็น หรือเราควรมีการกำหนดเวลาที่เราจะต้องทำสิ่งเหล่านั้น ซึ่งผู้เขียนเรียกว่า Habit Stacking เช่น เรามีนิสัยในการแปรงฟันก่อนนอนแล้ว ก็ให้เราเอานิสัยใหม่ที่ต้องการจะสร้างนำไปต่อจากนิสัยเดิม เช่น เราจะกำหนดว่า เราจะอ่านหนังสือ 30 นาทีหลังจากแปรงฟันเสร็จ แบบนี้เป็นต้น สำหรับการเลิกนิสัยนั้น เราก็แค่ทำตรงกันข้าม เช่น อยากจะเลิกรับประทาน Junk Food สิ่งที่เราควรทำก็คือ เราไม่ควรมี Junk Food อยู่ในบ้านเลย เมื่อไม่เห็น เราก็ไม่มีความอยาก เมื่อไม่อยาก เราก็จะไม่รับประทาน เป็นต้น



ทางออกคือเราจะต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากจะทำให้กลายเป็น “นิสัย” เพราะ นิสัยไม่ต้องการพลังใจ เราสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่คำถามคือ แล้วเรา จะสร้าง “นิสัย” เหล่านี้ ให้มาอยู่อย่างคงทนถาวรได้อย่างไร ในทางกลับกันหากเราต้องการจะเลิกนิสัยเสียๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เราจะทำได้อย่างไร การสร้างนิสัยว่ายากแล้ว แต่การเลิกนิสัยอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำไปหนังสือเล่มที่ดีมากเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำคือ Atomic Habits ซึ่งเขียนขึ้นโดย James Clear ซึ่งเป็นนักเขียนและ Blogger ชื่อดัง โดยหนังสือได้นำเสนอกฏของการสร้างหรือเลิกนิสัยอยู่ 4 กฎดังต่อไปนี้ ทางออก คือเราจะต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากจะทำให้กลายเป็น “นิสัย” เพราะ นิสัยไม่ต้องการพลังใจ เราสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่คำถามคือ แล้วเราจะสร้าง “นิสัย” เหล่านี้ ให้มาอยู่อย่างคงทนถาวรได้อย่างไร ในทางกลับกันหากเราต้องการจะเลิกนิสัยเสียๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เราจะทำ ได้อย่างไร การสร้างนิสัยว่ายากแล้ว แต่การเลิกนิสัยอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำไปหนังสือเล่มที่ดีมากเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำคือ Atomic Habits ซึ่งเขียน ขึ้นโดย James Clear ซึ่งเป็นนักเขียนและ Blogger ชื่อดัง โดยหนังสือได้นำเสนอกฏของการสร้างหรือเลิกนิสัย
กฏข้อที่ 2 ทำให้น่าดึงดูด (Make it attractive)
เราควรทำให้สิ่งที่เราทำนั้นให้มันน่าดึงดูด เช่น ถ้าเราอยากสร้างนิสัยในการอ่านหนังสือ เราก็ควรไปในที่ที่คนอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ เช่นห้องสมุด มันจะ สร้างบรรยากาศกระตุ้นให้เราอ่านหนังสือได้ทันที ในทางกลับกันหากเราอยากเลิกนิสัยใด ๆ เช่น เราอยากเลิกทานอาหารไม่มีประโยชน์ เราก็ไม่ควรใช้ เวลาส่วนใหญ่ไปอยู่ร้านอาหาร หรือไปอยู่กับเพื่อน ๆ กลุ่มที่ตระเวนกินอาหาร เป็นต้น


เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากทำให้กลายเป็นนิสัย เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ


เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากทำให้กลายเป็นนิสัย เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ
กฎข้อที่ 3 ทำให้ง่าย (Make it easy)
ให้เราทำให้สิ่งนั้นมันง่ายที่สุด เช่น เราอยากจะวิ่งให้เป็นนิสัย พยายามหาที่วิ่งที่ไม่ต้องขับรถไปนาน ๆ ยิ่งเดินไปได้เลยยิ่งดี เพราะพอยิ่งง่าย เราก็จะ ยิ่งทำ ในทางกลับกัน ถ้าอยากเลิกนิสัยใด ให้เราพยายามทำให้การทำสิ่งนั้นมันยาก เช่น ถ้าอยากเลิกนิสัยในการดูทีวีหลังจากกลับมาบ้าน ให้เรา เอาแบตเตอรี่ออกจาก Remote Control การทำแบบนี้จะทำให้เราก็ขี้เกียจแล้วก็เลิกล้มความตั้งใจไป ซึ่งจะทำให้เราสามารถเลิกนิสัยเหล่านี้ไปได้เอง


เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากทำให้กลายเป็นนิสัย เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ


เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากทำให้กลายเป็นนิสัย เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ
กฏข้อที่ 4 ทำให้พึงพอใจ (Make it satisfying)
หากเราทำอะไรแล้วมีความสุข เราจะมีแนวโน้มที่จะทำต่อ แต่ความสุขที่ว่านั้นควรเป็นความสุขที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากเราได้ทำสิ่งนั้นเสร็จ เช่น ถ้าเราบอกว่า เราอยากจะวิ่ง เพื่อที่จะทำให้เราสุขภาพดี แบบนี้อาจจะยังไม่พอ เพราะสุขภาพดี มันไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากเราวิ่งเสร็จ เราต้องหา สิ่งที่เราพึงพอใจทันที เช่น การใช้เทคนิคที่เรียกว่า Habit Tracking คือการวัดผล เช่น พอวิ่งเสร็จมาดูสถิติว่าเราทำได้ดีเพียงใด อย่างนี้จะทำให้ เรามีความพึงพอใจในขั้นต้นก่อน และในที่สุดสิ่งนี้ก็จะกลายเป็นนิสัยในที่สุด ในทางกลับกันสำหรับนิสัยที่เราอยากเลิก เราก็ต้องออกแบบทำอะไร ก็ตามที่ทำให้ตัวเรารู้สึกไม่ดีทันทีที่เราทำพฤติกรรมนั้น เช่น เราอยากเลิกพฤติกรรมการรับประทาน Junk Food เราอาจจะเขียนบอกเพื่อน ๆ เลยว่า ถ้าเห็นเรารับประทาน Junk Food เมื่อไร จะยอมให้ปรับเงิน อะไรอย่างนี้ เป็นต้น

เราต้องเปลี่ยนสิ่งที่เรา
อยากทำให้กลายเป็นนิสัย
เพราะนิสัยไม่ต้องการพลังใจ


โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่ง และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการสร้างนิสัยดี ๆ หรือเลิกนิสัยแย่ ๆ เป็นหนังสือที่อ่านแล้ว เราสามารถนำมาทดลองใช้ได้ทันที เป็นอีกหนึ่งเล่มที่คิดว่าไม่ควรจะพลาดอย่างยิ่งทางออกคือเราจะต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากจะทำให้กลายเป็น “นิสัย” เพราะ นิสัยไม่ต้องการพลังใจ เราสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่คำถามคือ แล้วเราจะสร้าง “นิสัย” เหล่านี้ ให้มาอยู่อย่างคงทนถาวรได้อย่างไร ในทาง กลับกันหากเราต้องการจะเลิกนิสัยเสียๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เราจะทำได้อย่างไร การสร้างนิสัยว่ายากแล้ว